1. Amazon / South Americaคงไม่มีใครไม่รู้จัก "ป่าอะเมซอน" ที่กินพื้นที่ 7 ล้านตารางกิโลเมตร น้องๆ อาจจะสงสัยว่าใหญ่ขนาดไหน บอกได้เลยว่าใหญ่กว่าประเทศไทยประมาณ 13 เท่า !! โดยป่าอะเมซอนกินพื้นที่ 2 ใน 5 ของทวีปอเมริกาใต้ มีพื้นที่อยู่ในบราซิล โบลิเวีย โคลัมเบีย เอกวาดอร์ เฟรนช์เกียนา เปรู สุรินาเม เวเนซูเอลา และกายอานา นอกจากความอุดมสมบูรณ์ของป่าที่เป็นที่เลื่องลือแล้ว ในป่าแห่งนี้ยังมีสัตว์มากมายหลายชนิด ที่โด่งดังคงไม่มีใครเกินปลาปิรันยาที่เป็นปลาที่ดุร้ายที่สุดในโลก และงูยักษ์อนาคอนดาที่ยาวกว่า 13 เมตร !
2. Angel Falls / Venezuelaหรือ "น้ำตกเองเจล" ถูกค้นพบในปี 1935 เป็นน้ำตกที่ตั้งอยู่กลางป่าดงดิบในประเทศเวเนซูเอลาและได้ชื่อว่าเป็นน้ำตก ที่สูงที่สุดในโลก เพราะมีความสูงเกือบ 1 กิโลเมตรเลยทีเดียว นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมน้ำตกนี้ได้ทางเรือและทางเครื่องบินเท่านั้น ความพิเศษของน้ำตกนี้คือ น้ำไม่สามารถตกถึงพื้นได้ เนื่องจากเป็นน้ำตกที่สูงมาก ทำให้น้ำกลายเป็นหมอกไปหมดซะก่อนจะตกถึงพื้น จึงทำให้พื้นที่บริเวณนี้มีหมอกหนาปกคลุมตลอดเวลา
3. Bay of Fundy / Canada"อ่าวฟันดี้" ได้ชื่อว่าเป็นอ่าวที่มีระดับน้ำขึ้นที่สูงที่สุดในโลก คือเวลาที่น้ำขึ้น ปริมาณน้ำจะสูงขึ้นถึง 16.2 เมตร รวมถึงมีปริมาณน้ำที่ไหลเข้าและออกจากอ่าวมากกว่า 100 พันล้านตันต่อวัน ! (เยอะว่าปริมาณน้ำจืดทั่วโลกรวมกัน) การมีกระแสน้ำขึ้นน้ำลงที่รุนแรง ทำให้เกิดลักษณะนิเวศวิทยาทางทะเลแบบเฉพาะตัวและทำให้หินชายฝั่งมีรูปแบบ หลากหลาย
4. Black Forest / Germany"ป่าดำ" แห่งนี้ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมันติดกับเขตสวิตเซอร์แลนด์ เป็นป่าที่มีแนวภูเขาและต้นไม้หนาทึบจนดูมืดไปหมด หากมองจากภายนอกอาจจะดูมืดๆ น่ากลัว แต่ภายในป่ามีน้ำตก หน้าผา ลำธาร และเมืองเล็กๆ และที่นี่แหละที่เป็นต้นกำเนิดของเค้ก Black Forest นั่นเอง (ต้องเคยได้ยินกันใช่มั้ย)
5. Bu Tinah Island / United Arab Emirates"เกาะบูตินาห์" ตั้งอยู่ในเมืองอาบูดาบี เมืองหลวงสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถือเป็นเกาะที่เป็นสมบัติของธรรมชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์และไม่ถูกรบกวน จากมนุษย์ ลักษณะภูมิอากาศบริเวณนี้เป็นแบบศูนย์สูตร และมีภูมิประเทศหลากหลายทั้งแน้ำตื้น หญ้าทะเล ป่าชายเลน รวมถึงแนวปะการัง มีสิ่งมีชีวิตทางทะเลที่ เช่น นกฟลามิงโก้ ปลาโลมา นกเหยี่ยวรวมถึงยังเป็นเกาะที่ได้ชื่อว่ามีฝูงพะยูนมากเป็นอันดับสองของโลก
6. Cliffs of Moher / Ireland"ผาชันโมเออร์" ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังมากที่สุดแห่งหนึ่งของไอร์แลนด์ เป็นผาชันสูง 230 เมตรริมมหาสมุทรแอตแลนติกที่เกิดจากหินทรายและหินดินดานที่มีอายุเก่าแก่ โดยหินที่เก่าแก่มากที่สุดนั้นมีอายุถึง 300 ล้านปี และมีแนวผาทอดยาวกว่า 8 กิโลเมตร กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมคือการเดินเลียบขอบผาที่สูงชันแห่งนี้
7. Dead Sea / Isarel , Jordan , Palestine
"ทะเลเดดซี" เป็นทะเลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง กินพื้นที่ในประเทศอิสราเอล จอร์แดน และปาเลสไตน์ เป็นทะเลน้ำเค็มที่มีความเข้มข้นของเกลือสูงมากและอยู่ในระดับต่ำกว่าน้ำ ทะเลมาก ด้วยความเค็มกว่าทะเลปกติถึง 6 เท่า ทำให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในทะล รวมถึงมนุษย์สามารถลงไปนอนลอยเล่นในทะเลได้โดยไม่มีวันจม นอกจากนี้ โคลนในทะเลเดดซีได้ชื่อว่าเป็นโคลนที่มีสรรพคุณทางด้านสุขภาพและความงาม ทำให้มีคนขุดและนำมาบรรจุขายกันเป็นจำนวนมาก
8. El Yunque / Puerto Rico
เป็นวนอุทยานแห่งชาติในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเปอเตอริโก โดยชื่อ El Yunque เป็นภาษาสเปนแปลว่าดินแดนสีขาว นอกจากนี้ยังเป็นที่รู้จักในชื่อป่าอุทยานแห่งชาติแคริบเบียนอีกด้วย ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นป่าดิบชื้นที่สวยที่สุดของโลกแห่งหนึ่ง และมีสัตว์ป่าหายากมากมาย เช่น นกแก้วพันธุ์เปอร์โตริกัน
9. Galapagos / Ecuadorน้องๆ คงคุ้นชื่อของ "หมู่เกาะกาลาปาโกส" กันเป็นอย่างดี เป็นหมู่เกาะกลางมหาสมุทรแปซิฟิกที่อยู่ในพื้นที่ของประเทศเอกวาดอร์ที่เกิด จากการสะสมตัวของลาวาจากภูเขาไฟเมื่อ 7-9 ล้านปีมาแล้ว หมู่เกาะกาลาปาโกสประกอบด้วยเกาะใหญ่ 5 เกาะ เกาะขนาดกลาง 8 เกาะ และเกาะเล็กอีก 6 เกาะ พร้อมเกาะแก่งเล็ก ๆ หรือโขดหินกลางทะเลอีกประมาณ 40 แห่ง โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 7,994 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ในทะเล 59,500 ตารางกิโลเมตร แต่ด้วยสภาพของระบบนิเวศที่สัตว์โดนจับไปจนเกือบสูญพันธุ์ ทำให้ถูกเสนอเป็นแหล่งมรดกโลกและจัดให้อยู่ในภาวะเสี่ยงอันตราย
10. Grand Canyon / USA"แกรนด์แคนยอน" เป็นดินแดนหินผาและหุบเหว ซึ่งหน้าผามีความสูงถึง 1,600 เมตร อยู่ในทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ในอดีตแม่น้ำโคโลราโดได้ไหลคดเคี้ยวตามที่ราบกว้างใหญ่ที่อยู่ระดับเดียวกับ น้ำทะเล ต่อมาพื้นโลกเริ่มยกตัวสูงขึ้นเนื่องมาจากแรงดันและความร้อนอันมหาศาลภายใต้ พื้นโลก ทำให้เกิดการเปลี่ยนรูปและกลายเป็นแนวหน้าผากว้างใหญ่คือแกรนด์แคนยอนนี่เอง
11. Great Barrier Reef / Australiaชื่อของ "Great Barrier Reef (เกรตแบร์ริเออร์รีฟ)" หรือแนวปะการังที่ยาวที่สุดในโลกคงค้างคาอยู่ในสมองของน้องๆ จากวิชาสังคมศึกษา เพราะนี่คือแนวปะการังที่ยาวกว่า 2,000 กิโลเมตรในรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ถือเป็นโครงสร้างที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้แก่ ฟองน้ำ 10,000 ชนิด ปะการัง 350 ชนิด หอย 4,000 ชนิด ดาวทะเลและซีเออร์ชิน (Sea Urchin) ซึ่งเป็นสัตว์ประเภทคล้ายหอย 350 ชนิด และปลามากกว่า 1,500 ชนิด
13. Iguazu Falls / Argentina , Brazil"น้ำตกอีกัวซู" เป็นน้ำตกที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนของอาร์เจนตินาและบราซิล มีความสูงตั้งแต่62-82 เมตร และมีความยาวทั้งสิ้นเกือบ 3 กิโลเมตร ตำนานของน้ำตกนี้กล่าวไว้ว่า มีพระเจ้าองค์หนึ่งตั้งใจจะแต่งงานกับสาวพื้นเมืองคนหนึ่ง แต่ฝ่ายหญิงดันล่องเรือหนีไปกับชู้ ทำให้พระเจ้าทรงพิโรธและตัดแม่น้ำออกเป็นน้ำตกใหญ่มหึมาและสาปแช่งให้คนทั้ง คู่ตกลงไป
14. Jeita Grotto / Lebanonถูกค้นพบในปี 1836 เป็นถ้ำหินงอกหินย้อยตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองเบรุต เมืองหลวงประเทศเลบานอน โดยถ้ำนี้มีความยาวกว่า 9 กิโลเมตรและมีจุดเชื่อมกับแม่น้ำใต้ดิน ในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่หลากหลายทั้งรูปทรงและสีสัน รวมถึงมีหินงอกที่ใหญ่ที่สุดในโลกความสูงกว่า 8.20 เมตรอยู่ด้วย ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมถ้ำนี้ปีละประมาณสามแสนคน
15. Jejudo Island / South Korea"เกาะเชจู" ที่คอซีรีส์เกาหลีคงรู้จักกันดีแห่งนี้ เป็นเกาะภูเขาไฟและเมืองตากอากาศของเกาหลีใต้ โดยอยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ 130 กิโลเมตร บนเกาะนี้มีภูเขาไฟฮัลลาซานซึ่งเป็นภูเขาไฟสูง 1,950 เมตรที่ดับแล้วตั้งอยู่ เกาะเชจูได้รับจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ "เกาะเชจูและถ้ำลาวา" ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 31 ที่เมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์
17. Komodo / Indonesia
"หมู่เกาะโคโมโด" เป็นอุทยานแห่งชาติในประเทศอินโดนีเซียที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟจนกลาย เป็นเกาะ มีชื่อเสียงในเรื่องเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำและมีสัตว์ทะเลอาศัยอยู่หลายชนิด เช่น ปลาพระอาทิตย์ กระเบนราหู ทากเปลือย เพรียงหัวหอม และที่สำคัญ ที่เกาะแห่งนี้มีสัตว์ชนิดหนึ่งซึ่งสืบทอดบรรพบุรุษมาจากไดโนเสาร์นั่นก็คือ มังกรโคโมโด ใครอยากเห็นรูปลองเซิร์ชดูกันเองได้เลย (เห็นแล้วอย่าคิดว่าเป็นตัวอื่นล่ะ)
"ภูเขาแมตเตอร์ฮอร์น" เป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์ ซึ่งอยู่บริเวณพรมแดนประเทศอิตาลีและสวิตเซอร์แลนด์ มีความสูง 4,478 เมตรทำให้กลายเป็นภูเขาที่สูงที่สุดลูกหนึ่งในเทือกเขาแอลป์และมีหิมะปกคลุม ตลอดปี น้องๆ คนไหนนึกหน้าตาของภูเขาแมตเตอร์ฮอร์นไม่ออก ก็ให้นึกถึงช็อกโกแลตยี่ห้อ Toblerone ที่ห่อสีเหลืองๆ จะมีโลโก้รูปภูเขาอยู่ นั่นแหละ ภูเขาแมตเตอร์ฮอร์น
25. Table Mountain / South Africa"อุทยานแห่งชาติ Table Mountain" ตั้งอยู่ในเมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นภูเขาที่เกิดจากการยกตัวขึ้นของเปลือกโลก ต่อมาได้ผุพังและถูกกัดกร่อนโดยลมและฝน จนทำให้กลายเป็นภูเขายอดตัดรูปร่างคล้ายโต๊ะ จึงได้ชื่อว่า Table Mountain การเข้าชมสามารถทำได้ 2 ทางคือการปีนเขาขึ้นไปและการนั่งกระเช้า ที่สำคัญ บนภูเขายังมีพันธุ์ดอกไม้หายากกว่า 1,400 ชนิดอีกด้วย
27. Vesuvius / Italyแทบไม่มีใครในโลกไม่เคยได้ยินชื่อ "ภูเขาไฟวิสุเวียส" ที่ตั้งอยู่ใกล้เมืองนาโปลี ประเทศอิตาลี เพราะเป็นภูเขาไฟอายุ 25,000 ปีที่ยังไม่ดับแห่งเดียวในทวีปยุโรปแผ่นดินใหญ่ สูงถึง1,281 เมตรปากปล่องมีเส้นรอบวง 1,400 เมตร และลึก 216 เมตร การระเบิดครั้งสำคัญเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 79 เถ้าถ่านและลาวาได้ไหลลงมาทับถมเมืองปอมเปอีทั้งเมืองที่กำลังอยู่ในยุค รุ่งเรืองให้จมหายวับภายในพริบตา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น